Thursday, September 26, 2013

แนวโน้มใหม่ของโลก ให้ทุกบ้านผลิตไฟฟ้าใช้เอง



อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ "หมายเหตุประเทศไทย จากนามปากกา "ลม เปลี่ยนทิศ"

     บังเอิญว่า เป็นสิ่งที่ผมได้ทำการศึกษามากว่า 3 ปีแล้ว และได้ทำบ้างแล้วในบางส่วน  ต้องขอ บอกว่าถ้าคนไม่เคยลองทำ  อาจจะคิดว่ายุ่งยาก (ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดครับ)  ในประเทศไทย มีหลายเจ้า  ที่ทำเพื่อจำหน่าย   แต่หาที่มีคุณภาพดี ก็เห็นจะมีไม่กี่เจ้าครับ  ผู้ซื้อต้องมีมิเตอร์มาเช็คด้วย  ว่าได้ไฟเต็มมั้ย  และการซีลแผงสนิทดีมั้ย (ถ้าอากาศเข้าได้จะทำให้อายุการใช้งานโซล่าเซล น้อยลงครับ) ซึ่งเราแทบจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ครับ

     แต่ถ้าเป็นของเมืองนอก เค้าผลิตแผงคุณภาพสูงครับ  เค้าเคลือบแผงโซล่าเซลด้วย เรซิ่นครับ อากาศเข้าไม่ได้ 100% รับประกันอายุการใช้งาน อย่างน้อย 30 ปี ( ตัวอย่างด้านล่าง )







 ซึ่งในประเทศไทย เท่าทึ่ศึกษาดู น้อยรายนักที่จะใช้ เรซิ่น  เคลือบแผงโซล่าเซล  (ปัจจุบันยังไม่เจอครับ ) โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ซิลิโคนปิดขอบ ส่วนด้านหลัง อาจจะปิดด้วยพลาสติก หรือไม่  ก็จะปิดด้วยกระจก เพื่อลดต้นทุน  แต่อายุการใช้งานก็จะน้อยลงไปด้วยครับ (แต่ก็ถูกดี) แผง 80 วัตต์ราคาประมาณ 4000 - 6000 บาท (เฉพาะแผงโซล่าเซลเท่านั้น ไม่รวมอุปกร์อื่น )

     เพราะแค่เรซิ่น กระปุกที่เห็นในรูป ขนาดประมาณ 500 มล.  ก็ประมาณ 2 พันกว่าแล้วครับ  และอลูมิเนียมกรอบของเค้าใช้ อลูมิเนียมฉากอย่างหนา 5 มิล 2 x 2 นิ้ว ( 1500 บาท / ท่อน 6 เมตร )
คิดเอาแล้วกัน ถ้าทำแผง 80 วัตน์ เฉพาะกรอบกับเรซิ่น ก็ ปาเข้าไปเกือบ  4000 แล้วครับ  ยังไม่ได้แผงเซล สักแผงเลยครับ เพราะฉะนั้น กลับมาทำแบบไทย ๆ ดีกว่า อายุการใช้งานสัก 5-7 ปี ก็พอคุ้มกับราคาอยู่ครับ  ถ้าพังก็ค่อยทำกันใหม่ เพราะราคาไม่แพงเท่าไหร่  ยิ่งถ้าทำได้เอง ยิ่งประหยัดเข้าไปใหญ่เลยครับ  ขึ้นอยู่กับความพลิกแพลงของแต่ละคนครับ


ที่ต่างประเทศ เค้าเน้นคุณภาพ และความแข็งแรง เพราะว่า พายุบ้านเค้า มันแรงกว่าบ้านเรา มากกก
เพราะฉะนั้น เมืองไทยก็ไม่จำเป็นต้องกรอบใหญ่อย่างเค้าก็ได้ (สรุปคือทำเองดีกว่า  อยากได้แข็งแรง ทนทาน อยู่นานขนาดไหน ก็จัดเอาเอง )
ถ้าทำเอง อยากได้แข็งแรง อุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ
- กรอบอลูมิเนียม ฉาก หนา และใหญ่ ที่สุด เท่าที่ทำได้
- กระจกใส อย่างหนา กันกระสุน ติดฟิล์ม ด้านใน  เผื่อเจอพายุเฮอลิเคน
- ราดด้วยเรซิ่นอีกชั้น ป้องกันอากาศเข้า 100%
- ชาร์จเจอร์ คอนโทรลเลอร์
- แบตเตอรี่ สำหรับโซล่าเซล ลูกละ 5,xxx อายุการใช้งาน 5 ปีขั้นต่ำ
- อินเวอร์เตอร์ แปลงไฟ 12 V เป็น 220 V  (ไฟรถ เป็นไฟ บ้าน )
ตามรายการข้างบนนี้ สเปค ชุด 100 วัต น่าจะอยู่ประมาณ 50,000 - (แพงที่กระจกกันกระสุน นี่แหละ)

แต่ถ้าทั้งชุด ซื้อในไทย ไม่ได้ทำเอง จะอยู่ที่ประมาณ  2x,xxx - ขึ้น

แต่ถ้าทำเอง - กรอบถูก ๆ / กระจกธรรมดาติดฟิล์ม กันแตกแล้วน้ำไม่เข้า / ไม่ต้องเคลือเรซิ่น / แบตเตอรี่มือสอง มาทำความสะอาด/  ทั้งหมดนี้ไม่น่าเกิน 2 หมื่นครับ

ลองศึกษาดู ครับ



   

Saturday, August 17, 2013

ทำความเข้าใจ ในพลังงานแสงอาทิตย์ และใช้มันให้เป็นประโยชน์


- Solar Cell Panel ผลิตไฟฟ้าจากแสงของดวงอาทิตย์ ไม่ใช่จากความร้อนของดวงอาทิตย์ จะมีประสิทธิภาพที่สุดที่อุณภูมิ 25 องศา(C)
                และจะลดลงประมาณ 0.5 % ทุก 1 องศาที่เพิ่มขึ้น

               - การใช้กระจกเงาสะท้อนแสงเข้าหาโซล่าเซลล์ เพื่อเพิ่มวัตต์ จะทำให้แผงร้อนกว่าปกติ อายุการใช้งานจะสั้นลง

               - ไก่ย่างพลังงานแสงอาทิตย์ คือการย่างไก่โดยใช้กระจกเงาหลายๆแผงช่วยกันสะท้อนแสงเข้าหาไก่ ไม่ถึง 10 นาที
                   ไก่ก็สุก แล้วถ้าเอามาสะท้อนแสงเข้าแผงโซล่าเซลล์ วันหนึ่งตั้งหลายชั่วโมงแล้ว Cell แผงจะเป็นอย่างไร

              - การพ่วงแผงโซล่าเซลล์เข้าหากัน หากเป็นการพ่วงแบบขนานจะทำให้ กระแสไฟฟ้า(I)รวมของชุดแผงโซล่าเซลล์เพิ่มขึ้น
                แต่ถ้าเป็นการพ่วงแบบอนุกรม จะทำให้ค่าความต่างศักด์(V)รวม ของไฟฟ้าในระบบเพิ่มขึ้น การต่อพ่วงทั้ง 2 กรณี ล้วนทำให้ค่ากำลังไฟฟ้า(P) เพิ่มขึ้น    

               - หลักไฟฟ้าเบื้องต้นเกี่ยวกับงานโซล่าเซลล์ 
                 จาก P = I x V   หมายถึง กำลังไฟฟ้า = กระแสไฟฟ้า คุณกับ ความต่างศักดิ์(ของจุด 2 จุด) , สูตรนี้ใช้ในการคำนวณในงานไฟฟ้าแทบทุกเรื่อง(ซึ่งจะดูกว้างไป)
                 เอาให้แคบลงมาหน่อย มาพูดถึงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น  ดังนั้น
                 P  คือ กำลังไฟฟ้าที่ Solar Cell Panel 1 แผง หรือหลายๆแผงที่ต่อรวมกัน ผลิตได้ ส่วนมากที่พูดกันจะบอกเป็น ต่อ ชั่วโมงครับ และมีหน่วยเป็น วัตต์ (W)
                 I  คือ กระแสไฟฟ้า ที่ Solar Cell Panel ผลิตได้ มีหน่วยเป็น แอมป์ (A) โดยกระแสไฟฟ้าที่แผงโซล่าเซลล์ผลิตได้จะยังไม่มีการไหลไปที่ใดๆทั้งสิ้น ต้องรอ
                 V  คือ ความต่างศักดิ์ ที่ Solar Cell Panel ผลิตขึ้นเพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นไหลไปยังอีกจุดๆหนึ่งได้
                 นั่นคือใหลจากขั่ว + ไปยังขั่ว - (ในอุดมคติ) หรือใหลจาก แผงโซล่าเซลล์เข้าไปเก็บในแบตเตอรี่  ความต่างศักดิ์นี้ มีหน่วยเป็น โวลต์ (V)ครับ

                 -  แผงโซล่าเซลล์ ออกแบบมาเพื่อเสมือนเป็น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ เท่านั้น การที่จะนำไฟฟ้าที่ได้จากการผลิตของแผงไปใช้เลยนั้น จึงมีความยุ่งยากอยู่บ้าง
                  แต่ก็สามารถทำได้ โดยการสร้างระบบควบคุมกระแสและความดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำมาต่อใช้งาน

                       - Solar Cell Panel ที่มีขายในประเทศไทยเรานั้น มีหลายคุณภาพหลายเกรดครับ สำหรับชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นแผงโซล่าเซลล์
                    ก็จะเข้าใจว่าแผงโซล่าเซลล์จากที่ใหนก็คงเหมือนกัน ทำให้หลงเสียเงินซื้อของคุณภาพต่ำไปใช้ได้ไม่นานก็พังหรือใช้ได้แต่กำลังไฟฟ้าก็ไม่เต็มที่  ควรศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อนถึงความแตกต่าง ใน รายละเีอียดครับ
                    
                   - การที่เราจะชาร์จแบตเตอรี่ 12V ได้นั้นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่หรือ Solar Cell Panel นั้นจะต้องผลิตแรงดันไฟฟ้าให้ได้สูงกว่า 12 V ครับ

                   - Solar Cell Panel คุณภาพดีจะไวแสงกว่า ผลิตแรงดันไฟฟ้าได้ดี (แม้แดดจะน้อย) นั่นหมายถึง แม้ถูกจำกัดด้วยปริมาณของแสงแดด
                     แผงโซล่าเซลล์คุณภาพดีกว่าจะยังสามารถทำการผลิตกำลังไฟชาร์จลงแบตเตอรี่ได้


แจ้งเตือนอันตราย  สำหรับผู้ใช้งานระบบโซล่าเซลล์ทุกท่าน
                เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ซึ่งจะมีลักษณะฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าเกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติ แต่เรื่องปรกตินี้อาจเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับ
                ระบบโซล่าเซลล์ของท่านได้ เพราะทุกครั้งที่ฟ้าผ่าบริเวณที่มีระบบโซล่าเซลล์ติดตั้งอยู่(แม้ไม่ได้ผ่าตรงๆ) จะเกิดสนามแม่เหล็ก
                ความเข้มสูงมากบริเวณนั้นจนทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าสูงมากขึ้น(ชั่วขณะ)ในสายไฟของระบบ ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้อุปกรณ์หลักในระบบ
                เช่น Inverter , Solar Charge Controller เสียหายได้  จากประสบการณ์แล้วส่วนใหญ่ Inverter จะเสียทันทีครับ ส่วน Solar Charge Controller
                ถ้าฟ้าไม่ผ่าใกล้มากๆ ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นจึงขอแจ้งวิธีการป้องกันแบบง่ายๆครับ คือ ช่วงฝนตกฟ้าคะนองให้ถอดปลั๊กไฟออกจากตัว Inverter ครับ
                งดใช้ไฟชั่วคราว ส่วน Inverter คุณภาพดีๆ ราคาแพงๆ นั้น เค้าจะมีระบบป้องกันฟ้าผ่าในตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องห่วงครับ ดังนั้นถ้า Inverter ใคร
                ราคาไม่ถึงแสน ก็น่าจะป้องกันใว้หน่อยนะครับ ส่วนใครจะลองเสี่ยงดวงกับฟ้า หรือ งดใช้ไฟฟ้ายามฟ้าคะนองไม่ได้จริงๆ ก็ดวงใครดวงมันนะจ๊ะ..

                 - Solar Cell Panel หรือ แผงโซล่าเซลล์ ที่มีขายในบ้านเราทุกวันนี้ มีทั้งเป็นระบบ 12V และ 24V ดังนั้นควรจะดูให้ดีๆ เพื่อที่จะได้ซื้ออุปกรณ์
                  ในระบบให้เข้ากันได้ จากประสบการณ์แก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องโซล่าเซลล์และไปซื้อสินค้ากับผู้ที่ไม่รู้จริง คือ อุปกรณ์เข้ากันไม่ได้ เช่น
                  ชาวบ้านซื้อแผงโซล่าเซลล์ระบบ 24V คนขายกลับไปแนะนำให้ซื้อ Inverter ระบบ 12V ไปใช้ในระบบ ด้วยความไม่รู้ของทั้ง 2 ฝ่าย
                  ผู้เสียหายก็คือ ชาวบ้านนั่นเอง ดังนั้นก่อนซื้อสินค้าไปใช้ทุกครั้ง ควรปรึกษาผู้รู้ก่อนจะดีกว่าครับ เพราะเงินลงทุนระบบค่อนข้างจะเยอะ

                - สายไฟที่ใช้ในระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีความสำคัญมาก เพราะสายไฟนี่เองจะเป็นตัวส่งกำลังไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
                  สายไฟเปรียบเหมือนถนนให้กระแสไฟฟ้าเดิน ถ้าสายไฟเส้นใหญ่ กระแสไฟฟ้าก็เดินได้สดวกเปรียบเหมือนถนนเส้นใหญ่ที่คอยระบายการจราจร
                  บนท้องถนน หากถนนเส้นเล็ก รถก็ติด เดินทางไม่สดวก เกิดการแออัดกันขึ้น ถ้าเป็นสายไฟก็จะมีลักษณะอาการสายไฟอุ่นๆหรือร้อน
                  ดังนั้นในการวางระบบโซล่าเซลล์นั้น ควรใช้สายไฟขนาดใหญ่พอสมควร ขึ้นอยู่กับความยาวด้วย ยิ่งใช้สายไฟยาวยิ่งต้องใช้สายขนาดใหญ่
                  ดังนั้นจึงควรพยายามทำสายไฟในระบบให้สั้นที่สุด เพราะนอกจากจะประหยัดเงินแล้วยังช่วยลดการสูญเสียกำลังไฟฟ้าในสายไฟด้วย
                  อนึ่ง  แรงดันไฟฟ้าในระบบโซล่าเซลล์นั้นเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำเพียง 12V , 24V หรือ 48V เท่านั้น นั่นหมายถึง มีแรงผลักดันให้
                  กระแสไฟฟ้าใหลได้เพียงเท่านั้น หากโหลดหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องการกระแสไฟเยอะๆ แต่สายไฟเล็ก บวกกับแรงดันไฟฟ้าก็ต่ำ
                  สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เกิดการแออัดของกำลังไฟฟ้าในสายเล็กๆเส้นนั้น จนทำให้เกิดความร้อน อาจถึงขนาดฉนวนกันความร้อนละลาย
                  เมื่อฉนวนละลายสิ่งที่ตามมาคือ " ไฟฟ้าลัดวงจร" อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอัคคีภัยในที่ต่างๆ  จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรรู้ใว้ว่า
                  สายไฟในระบบไฟฟ้าต่างๆนั้น ควรเหมาะสมกับระบบที่ใช้ เพื่อความคุ้มค่าและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวท่านเอง

บทความจาก : บ้านนาโซล่าแพค

Sunday, June 30, 2013

การใช้วินช์ และอุปกรณ์ ร่วม Winch and Accessories

รอกไฟฟ้า ( Winch ) ในที่นี้ ขอกล่าวโดย รวม ๆ ไม่ระบุยี่ห้อนะครับ



เริ่มต้นโดยการ มารู้จัก Winch กันเสียหน่อย ประกอบด้วย
1. ฐาน Winch 
2. Motor ไฟฟ้า
3. ชุดควบคุมการทำงาน Solenoids 
4. สลิง และ Drum เก็บสลิง
5. ขอเกี่ยงสลิง 
6. Roller
7. ชุดเฟืองทด
8. Remote Control
9. ชุดLock และ Free Lock
10. ปลั๊กเสียบ Remote Control


- ก่อนจะเสียบสาย Control ควรจะผูกสายไฟไว้กับกันชนหน้ารถเพื่อป้องกันสายไฟไปพันกันและบาดสายขาด


- ลักษณะการดึงของ Winch ขณะทำงาน รถจะวิ่งไปในแนวดึงของสลิง เราไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้มากนัก หรือในบางสถานการณ์จะเปลี่ยนทิศทางไม่ได้เลย


- การทำมุมดึงด้านตั้งของ Winch จะมีผลต่อการใช้งานในการดึงให้มีประสิทธิภาพที่ต่างกัน เช่น ดึงในแนวนอนขนานกับพื้นขณะรถจมโคลนลึก หน้ายางจะเกิดแรงต้านกับดินด้านหน้า ดึงรถเท่าไรก็ไม่ขึ้น ให้เปลี่ยนมุมดึงเป็นแนวเดียวกับรถถ้าสามารถทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ให้ใช้วิธีเปลี่ยนมุมดึงที่คานแข็งเพลาหน้า ซึ่ง Jeep มีอยู่แล้วเพื่อลดแรงต้านที่หน้าดิน



- ไม่ควรใช้ Winch 2 ตัวดึงโดยตรง ถ้า Winch ตัวใดตัวหนึ่งมีแรงมากกว่าก็จะดึง Winch ที่มีกำลังน้อยกว่าพังเสียหายได้ ถ้าจะใช้ Winch กับ Winch ดึงกันให้เกี่ยว Winch ไว้ระหว่างตะขอหน้าของรถแต่ละคัน


- ไม่ควรใช้ Winch ลากรถโดยตรงโดยไม่ใช้การทำงานของ Motor เฟืองทดต่างๆจะเสียหายได้
- การเปลี่ยนทิศทางการดึงตามแนวที่เราต้องการ เราจะใช้สลิงหรือเชือกลาก เชือกกระตุกก็ได้


- การดึงรถขึ้นจากเนินที่สายสลิงจะเสียดสีกับพื้นดิน ควรมีลูกหินหรือไม้มารองรับไว้เพื่อป้องกันความเสียหายที่สายสลิงเสียดสีกับดินหรือหิน


- ควรมีผ้าคุมสลิงขณะดึง ถ้าสลิงขาดจะช่วยลดแรงดีดลงได้ในบางโอกาส ถ้าสลิงแตกแต่จำเป็นต้องใช้ ควรใช้วิธีเปิดฝากระโปรงหน้ารถขณะดึงและให้คนที่อยู่ในพื้นที่หลบหลังต้นไม้ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย
- ควรมีเชือกคล้องต้นไม้ เพื่อกันสลิงกัดผิวต้นไม้ อาจทำให้ต้นขาด หรือเสียดสีกับสลิงได้ และที่สำคัญ เพื่อไม่เป็นการทำลายธรรมชาติครับ

- การดึงรถถ้ารถพลิกคว่ำ แต่หงายท้อง? ให้ใช้สลิงพันรอบรถ ถ้าไม่กลัวรถเสียหายแต่ถ้ากลัวเสียหายก็ให้ดึงที่ละด้าน

- การใช้รอกทดกับ Winch เพื่อเพิ่มกำลังของ Winch


- การใช้ Winch กับแผ่นรองพื้นเพื่อลดแรงต้านที่หน้าล้อ ถ้าจมบ่อโคลนลึกหรือจมบ่อทราย (ทรายเป็นตัวอันตรายต่อช่วงล่างของรถเป็นอย่างมาก)
ไฮลิฟแจ็ค อุปกรณ์เสริมครับ (แม่แรงสำหรับรถยกสูง และสามารถใช้เป็นวิ้นช์มือโยกได้ด้วย แต่เหนื่อยสุด ๆ ครับ)

สมควรมีเป็นอย่างยิ่งครับ จะได้ไม่ต้องหาที่มัดเชือก หรือคล้องเชือกยากครับ

บทความและภาพ จาก Thailand Offroad.com






วิธีการใช้ ที่เติมลมยาง ในปั๋มน้ำมัน

โพสนี้สำหรับ สาว ๆ และหนุ่ม ๆ มือใหม่หัดขับ ไม่จับ ไม่เคยเติมลมยางให้ตัวเองมาก่อน  จึงขอแสดง วีดีโอตัวอย่างวิธี ใช้เครื่องเติมลมยาง ตามปั๊มน้ำมัน มาให้ดูครับ ว่าทำกันอย่างไร (เผื่อฉุกเฉิน)

ขอขอบคุณเจ้าของ วีดีโอ คุณหอมหัวใหญ่ ครับ

วิธีใช้เข็มทิศ เมื่อ....

เข็มทิศ  คือเครื่องมือสำหรับใช้หาทิศทาง มีเข็มแม่เหล็กที่แกว่งไกวได้อิสระในแนวนอนทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ตามแรงดึงดูดของแม่เหล็กโลกและที่หน้าปัดมีส่วนแบ่งสำหรับหาทิศทางโดยรอบ เข็มทิศจึงมีปลายชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ (อักษร N หรือ น) เมื่อทราบทิศเหนือแล้วก็ย่อมหาทิศอื่นได้โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านขวามือเป็นทิศตะวันออก ด้านซ้ายมือเป็นทิศตะวันตก ด้านหลังเป็นทิศใต้ การบอกทิศทางในแผนที่โดยทั่วไป คือการบอกเป็นทิศที่สำคัญ 4 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก หรืออาจจะบอกละเอียดเป็น 8,16 หรือ 32 ทิศก็ได้



 มองเห็นลูกศรแดงกับดำไหมครับ เราเรียกมันว่าเข็มบอกทิศ ในบางแบบของ เข็มทิศ จะเป็นสีแดงกับสีขาว แต่จุดสำคัญอยู่ที่ว่าลูกศรแดงนั้นจะชี้ไปที่ขั้วแม่เหล็กโลกทางเหนือ นี่คือพื้นฐานอย่างแรกที่คุณต้องรู้ .
ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะเดินไปทางเหนือ แต่อยากจะไปทิศอื่น ก็ให้วางเฮ้าซิ่งของ เข็มทิศ บน เข็มทิศ ซึ่งจะมีสเกลอยู่ อาจจะเป็น 0 ถึง 360 หรือ 0 ถึง 400 เป็นหน่วยองศาอซิมุส (azimuth) หรือบางที่ก็เรียกว่าแบริ่ง (bearing) จะเห็นตัวอักษรแยกทิศ N,S,W,E แทนทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก ตามลำดับ ถ้าคุณต้องการที่จะไปทางทิศเหนือ อยากไปในทิศระหว่างสองทิศใด ๆ เราก็เรียกรวมกัน เช่น ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น ดูในภาพ ที่จะไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อเจอแล้วก็ให้หมุนจนทิศนั้นตรงกับลูกศรใหญ่ชี้ทางเดิน เสร็จแล้วก็วางบนมือ หมุนไปมาจนเข็มสีแดงชี้ตรงทิศเหนือ 
ซึ่งในช่วงนี้สำคัญมาก ต้องระวังไม่ให้ เข็มทิศ เคลื่อน แต่เป็นตัวเราที่หมุนเท่านั้น ปล่อยให้เข็มชี้ทิศเป็นอิสระ มันจะหมุนตามไปเอง มีมือใหม่พอสมควรที่เดินตรงข้ามเพราะเข็มอยู่ในส่วน ที่ชี้เหนือใต้ แต่ว่าเข็มสีแดงชี้ไปทางใต้ ทำให้เข้าใจผิด 
ปัญหาอีกอย่างที่อาจพบคือผลของแม่เหล็กที่บริเวณนั้น ถ้ามีวัสดุที่เป็นเหล็กหรือคล้ายคลึงกัน อาจจะมีผลต่อการเคลื่อนตัวของลูกศรได้นะครับ แม้แต่ตัวแม็กเย็บกระดาษยังมีผลได้เลย ดังนั้นต้องดูให้ทั่ว ๆ ว่าไม่มีอะไรที่จะมาส่งผลให้เกิดการเพี้ยนได้อยู่ใกล้ ๆ บางทีก็มาจากพื้นดินบริเวณนั้น ซึ่งอาจจะมีได้แต่โอกาสน้อยมาก เว้นแต่ไปอยู่เหนือสายแร่หรือแถวเหมืองนั่นแหละ .
ทีนี้พอแน่ใจว่าได้ทิศถูกต้องก็เดินไปตามที่ลูกศรชี้ทางเดินพุ่งไปนั้นแหละ และเวลาเดิน ๆ ไป ก็ควรดูว่าเราเดินออกนอกทิศหรือไม่ โดยหมั่นสังเกตจาก เข็มทิศ บ่อย ๆ ถ้าจะให้ดีให้มองจุดหมายเอาไว้เป็นระยะ ๆ แล้วก็มุ่งไปที่นั่นโดยวิธีต่าง ๆ ตรงนี้อาจจะเดินคดเคี้ยวไปมาก็ได้ เพราะสภาพพื้นที่อาจไม่อำนวย พอถึงเป้าหมายที่เราเล็งไว้แล้วค่อยตั้งทิศใหม่ไปเรื่อย ๆ ถ้ามีแผนที่ด้วยก็เทียบกับแผนที่ไปเรื่อย ๆ
เทคนิคนี้เหมาะสมเมื่อคุณไปไหนโดยไม่มีแผนที่ ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ตรงไหน แต่รู้ว่ามีถนน สายน้ำ หรือจุดที่คุณรู้ว่า ถ้าไปถึงก็จะไม่หลง เพียงแต่ไปให้ถูกทิศเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าหลงป่าในเทรลเขาใหญ่ ซึ่งพบกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะในเทรล 6 ถ้ารู้ทิศ ย่องรู้ว่าเดินไปเรื่อย ๆ จะออกถนน ไม่ใช่เข้าป่าลึกไปอีก ก็ตั้งทิศแล้วเดินไปตามทิศเป็นช่วง ๆ อย่างไรก็ตาม วธีนี้ก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ทำให้คุณ ๆ เดินวนเป็นวงกลมล่ะน่า แต่ถ้าให้ดีต้องใช้ควบคู่กับแผนที่ที่ดีครับ ถ้าคุณต้องไปเดินป่าที่ ๆ แปลกใหม่จริง ๆ ควรจะพกพาแผนที่ของกรมแผนที่ทหารไปด้วย และเมื่อใช้คู่กันระหว่างแผนที่กับ เข็มทิศ ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้วละครับ

วีดีโอตัวอย่างการใช้ ภาคภาษาอังกฤษครับ


บทความจาก Trackingthai.com